ความเป็นเพศกับขบวนการซูเปอร์เซนไท

นายสุภาพ คงมี

บทคัดย่อ

งานวิจัยเรื่อง ความเป็นเพศกับขบวนการซูเปอร์เซนไท มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการลื่นไหลทางเพศของตัวละครในขบวนการซูเปอร์เซนไท และเปรียบเทียบความแตกต่างของความเป็นเพศในแต่ละช่วงเวลา โดยมีวิธีการศึกษาจากผลงานภาพยนตร์ชุดของขบวนการซูเปอร์เซนไทเผยแพร่ตั้งแต่ปี ค.ศ.1975 – 2019 โดยใช้แนวคิดเรื่องเพศภาวะ เพศวิถีมาใช้ในการวิเคราะห์

ผลการศึกษาพบว่าภาพยนตร์ชุดขบวนการซูเปอร์เซนไทความเป็นเพศมีความลื่นไหลขึ้นอยู่กับบริบททางสังคมที่แตกต่างกันแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ ยุคที่ 1 ค.ศ. 1975 – 1991 ความเป็นชายคือการเป็นชายชาติทหารที่มีความแข็งแกร่งและไม่แสดงออกทางอารมณ์ ต้องเป็นผู้นำในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ภายใน เมื่อแปลงร่างมีการสร้างภาพให้ผู้ชายเป็นคนมีความแข็งแกร่ง เป็นผู้นำและสามารถปกป้องผู้หญิงและเด็กได้ ขณะที่ความเป็นหญิงคือการเป็นหญิงกุลสตรีที่มีความอ่อนหวาน ต้องเป็นผู้ตามคอยเชื่อฟังในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ภายใน และเมื่อแปลงร่างมีการพยายามสร้างภาพให้ผู้หญิงแข็งแรงขึ้นต้องยังคงต้องการความช่วยเหลือจากผู้ชายอยู่และเป็นผู้ตามที่ซื่อสัตย์ ต่อมาในยุคที่ 2 ค.ศ.1991 – 2011 ความเป็นชายคือการเป็นสุภาพบุรุษ ต้องร่าเริงและใส่ใจผู้หญิง หลังแปลงร่างมีการสร้างภาพให้ผู้ชายเป็นผู้นำที่อ่อนโยนและทำหน้าที่ปกป้องผู้หญิงในที่สาธารณะ ส่วนความเป็นหญิงคือหญิงที่เตรียมตัวเป็นแม่ ต้องเป็นคนที่ฉลาดและรักสวยรักงาม เริ่มมีบทบาทเป็นผู้นำการจัดการบางเรื่องในพื้นที่ภายใน เมื่อแปลงร่างได้แสดงถึงการสร้างภาพให้ผู้หญิงเป็นผู้นำในที่สาธารณะได้และเริ่มมีความสามารถในการปกป้องคนที่อ่อนแอ อีกทั้งมีการปรากฏความเป็นเพศทางเลือกที่ถูกมองว่าเป็นที่น่าหวาดกลัวจึงมีบทบาทเป็นผู้นำปีศาจที่ชั่วร้าย และในยุคที่ 3 ค.ศ.2011 – 2019 ความเป็นชายอยู่ในรูปแบบชายลั้ลลา เป็นคนร่าเริงมีร่างกายบอบบางและทะเยอทะยาน รับหน้าที่เป็นผู้นำทางจิตใจ เมื่อแปลงร่างชี้ให้เห็นถึงการสร้างภาพให้ผู้ชายยังเป็นผู้นำให้กำลังใจคนอื่น ในขณะที่ความเป็นหญิงคือการเป็นหญิงห้าวที่มีความแข็งแกร่ง ได้รับบทบาทในการเป็นผู้นำในพื้นที่สาธารณะ จึงพบว่ามีการพยายามสร้างให้ผู้หญิงเป็นคนมีความสามารถเท่าผู้ชายและสามารถรับบทเป็นคนปกป้องผู้ชายได้เช่นกันหลังจากแปลงร่าง

เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างความเป็นเพศในแต่ละช่วงเวลาพบว่าทั้ง 3 ยุค ผู้ชายต้องรับหน้าที่เป็นผู้นำมากกว่าผู้หญิง และต้องการพัฒนาความเป็นชายให้เป็นคนอ่อนโยนมากขึ้น สังเกตจากการที่ความเป็นชายในยุค 2 และ 3 ที่ผู้ชายใส่ใจความรู้สึกคนอื่น กลับกันผู้หญิงจากเดิมเป็นผู้ตามและอ่อนแอ ในยุคต่อ ๆ มาก็ต้องการให้ความเป็นหญิงคือคนแข็งแกร่งและเป็นผู้นำได้เช่นเดียวกัน โดยดูจากการพัฒนาให้ผู้หญิงเริ่มมีอำนาจในที่สาธารณะและสามารถปกป้องเด็ก ผู้หญิง และผู้ชายได้ตามลำดับ

บทความวิจัยฉบับเต็ม